MEDICI KITCHEN & BAR AT HOTEL MUSE BANGKOK

0
1908

รีวิวต่อไปนี้ เขียนเมื่อวันทืี่ฝนตกเพิ่งหยุด รถติดกระหน่ำ ณ กทม. เชิญอ่านฮ่า ใครที่ชอบอาหารอิตาเลียน รับรองที่นี่ไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน

เข้าใจแหละว่าหน้าฝน แต่จะตกทุกวันตอนเย็นหลังเลิกงาน แบบนี้ไม่ได้!! ใช่ เราเบื่อมากกับเหตุการณ์รถติดขั้นสุดในทุกเย็นตอนฝนตก ติดชนิดที่ว่าต้องร้องขอชีวิตกับการนั่งเป็นง่อยอยู่กลางถนน แต่ทว่าแสดงสว่างอันริบหรี่ก็ได้นำพาเราเข้ามายัง ‘ซอยหลังสวน’ ซึ่งรถไม่ติดเลย งง มะ (แต่อย่าออกไปสุขุมวิทเชียวนะ) แต่ช่างมัน เพราะตอนนี้ก็ค่ำแล้ว หิวข้าวมาก ขอหาที่แวะพักพิง ให้ฝนซา ก่อนฝ่ารถติดกลับไปยังที่พำนักของเราก่อนละกัน

เรามาถึงยังโรงแรมแสนเก๋ ชิคๆ ที่ให้กลิ่นอายหรูหราแบบนิวยอร์คย้อนยุคหน่อยๆ ใช่แล้วนั่นคือ Hotel Muse, Bangkok ซึ่งเป้าหมายที่แท้จริงของเราก็คือ ห้องอาหารอิแทเลี่ยน Medici Kitchen & Bar ถึงแม้จะอยู่ชั้นใต้ดิน แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำท่วมนะจ้ะ เขาบริหารจัดการอย่างดี

เริ่มที่ Starter ตัวแรก Cappuccino Pumpkin Soup ตอนแรกไม่ได้คิดไรมาก แต่พอดื่มเข้าไปคำแรก เฮ้ยยยยย คือดีมากกก เหนือความคาดหมาย เป็นซุปฝักทอง ที่ละมุน กลิ่นฝักทองไม่แรงเกินไป ด้านบนเป็นฟองครีมกลิ่นเห็ดทรัฟเฟิล เพิ่มความฟินไปอีก เอาขนมปังมาจุ่มลงไปแล้วกินพร้อมกัน คือเข้ากันได้ดีอย่างน่าประหลาดใจ ยิ่งวันที่หนาวๆ ชื้นๆ ตัวนี้ช่วย soothing มากๆ

Cold Cuts & Cheese ของที่นี่ ดูจากภายนอก ก็คือไม่ได้ต่างอะไรจากที่อื่น แต่ที่เด็ดคือ มีชีสที่ด้านในสอดไส้เห็ดทรัฟเฟิล ใครเป็นสาย ชีส และ ทรัฟเฟิล ไม่ควรพลาดทุกประการ เพราะเขาใช้เกรดพรีเมี่ยม

ตัวต่อไปเป็น Hokkaido Scallops คือดีมากอีกเช่นกัน หอยสด ตัวใหญ่มาก กลิ่นหอยหอมๆ เข้ากันกับซอสมากมายบนจาน ที่ทางเชฟแนะนำให้เอาหอยปาดให้โดนทุกซอย แล้วค่อยกินพร้อมกัน

ถัดมา ก็ Surprise เราและเพื่อนๆ มากๆ เพราะมาแนว Molecular เลยทีเดียว ชื่อว่า Local Mud Crab & Tomato Cannelloni โดยเจลลี่สีส้มๆ ที่ห่อเนื้อปูแน่นๆอยู่นั้น ทำมาจากมะเขือเทศ และอีกเช่นกัน ต้องกินพร้อมส่วนประกอบอื่นๆ บนจาน จึงจะช่วยขับรสชาติอย่างที่สุด ให้เราได้เดากันไปว่าส่วนประกอบของแต่ละอย่างทำมาจากอะไรกันแน่ เป็นอีกจานที่แนะนำมากๆ

ในระหว่างนั้น พนักงานก็จะเข้ามาแนะนำเครื่องดื่ม ในส่วนของ Wine Pairing นั้นก็แล้วแต่บุคคลกันไป แต่ตัวที่เราประทับใจคือ Almost Wine คือไม่ใช่ไวน์ แต่ใกล้มาก หรือคือไวน์ที่ไม่มีแอลกอฮอลนั่นแหละ ซึ่งให้ความรู้สึก Refreshing มาก นอกจากนี้ก็มีพวก cocktail mocktail อื่นๆ อีกมากมาย ฮ่า

มาต่อกันที่ Homemade Tagliatelle Burrata เส้นสด เชฟทำเองวันต่อวัน เหนียวนุ่มอร่อยมาก เข้ากันได้ดีกับซอสมะเขือเทศและครีมชีสนุ่มๆ ที่ท็อปมาด้วยบน

ในส่วนของพาสต้านั้นยังไม่จบ Lobster Linguine ขอให้ดอกจันเอาไว้เลย อร่อยมาก ทาง รร. ใช้ Canadian Lobster เนื้อแน่นๆ สดๆ อร่อยมาก เข้ากันได้กับเส้นและซอส ที่ออกรสจัดนิดนึง ช่วยขับความอร่อยของเนื้อกุ้ง

ตัวสุดท้ายละของหมวดพาสต้า Ricotta & Parmesan Ravioli อร่อยมากกกกกกกกก Highly Recommended สำหรับสายชีส เป็นแป้งพาสต้า แต่ทำมาในแนวเกี้ยวห่อชีส รสชาติละมุนมากๆ ทานคู่กับสลัด ให้ความรู้สึกเบาๆ เอาไว้ทานตัดความหนักหน่วงขอจานหลักอื่นๆได้เป็นอย่างดี พนักงานแนะนำว่า สำหรับคุณผู้หญิงที่ลดน้ำหนักอยู่ ก็จะเลิฟจานนี้กันมาก เพราะความไลท์ของมัน

มาที่ของหลักๆ กันบ้าง Australian Lamb Chops ขอออกตัวก่อนว่าปกติไม่ค่อยชอบกินแกะ โดยหากมีกลิ่นแรง แต่ของที่นี่ คือดี กลิ่นบางมาก จนเรารู้สึกหอมแทน เนื้อนุ่ม Juicy กินพร้อมกับ Risotto บนจานและซอสรอบๆ เข้ากั๊นเข้ากัน

ยกให้เป็นสุดยอด พอร์คชอป 1 ในดวงใจ ณ ตอนนี้ Joe Sloane’s Organic Pork Chop ที่ใช้เวลาเตรียมแอบนานกว่าจานอื่นๆ เพราะเขาทำแบบ slow cook แต่คุ้มมาก เนื้อนุ่มมากๆ ไม่เหนียว เคี้ยวยากให้เมื่อยกรามใดๆ ใครฉีดโบมาไม่ต้องกลัวจานนี้เลย เครื่องเคียงที่เป็นหัวหอมกับแอปเปิ้ล ช่วยเพิ่มรสชาติ ให้มีหลายมิติ รู้สึกสนุกขึ้นเวลากิน

ตัดภาพมาที่ของหวาน ซึ่งเป็นการปิดท้ายสุดฟิน เลือกไม่ได้จริงๆ ว่ามงลงอันไหนดี ขอเริ่มจากตัวที่อลังการที่สุดก่อนละกัน นั่นคือ Vanilla Panacotta ฟังดูธรรมดามะ แต่เดี๋ยวก่อน มันมาแบบ Molecular อีกจานแล้วจ้า ตัวครีมเจลลี่นมๆ กลิ่นหอมวนิลา เป็นฐานที่ทำให้เรายังรู้ว่านี่คือ แพนนาคอตต้า ท็อปมาด้วยแผ่นเจลลี่และเส้นเจลลี่สตอเบอรี่ มีซอสสตอเบอรี่ ครีม และ สตอเบอรี่เชื่อมกระจายอยู่บนจาน มาพร้อมกับเมอแรงผักชีลาว และพิชาตาชิโอ้ สปอนเค้กนุ่มๆ

Traditional Cannoli Siciliani ขนมพื้นเมืองของอิตาลี แผ่นแป้งกรอบๆ ด้านในสอดไส้ครีมหวานๆ หอมๆ อารมณ์คล้ายๆโรตีแป้งกรอบๆ สอดไส้คัสตาด

จบด้วยที่ Creme Brulee กับไปไอศครีม Salted Caramel เข้ากันได้ดีเป็นอย่างมาก นุ่มๆ ละลายในปาก พร้อมกับ ส่วนประกอบกระจายบนจานแนว Molecular นิดหน่อย มีแป้งชีสกรอบๆ ช่วยตัดให้รสชาติน่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก

ทีเด็ดของที่นี่อีกหนึ่งอย่าง คือ ระหว่างทานมื้อค่ำ จะมีกลุ่มนักร้องโอเปร่าสาวสวย เดินออกมาร้องเพลงขับกล่อมแก่ลูกค้า เป็นระยะๆ ในบริเวณห้องอาหาร คือเดินไปข้างโต๊ะเลยนะ ไม่ได้ยืนร้องบนเวทีไกลๆ เริ่มที่รอบ 20.00 / 20.30 และ 21.00 น. สามารถขอเพลงได้ในบางโอกาสสำคัญด้วยนะ

ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา หากใครกำลังมองหาร้านอาหารอิแทเลียนดีๆ ที่มีทั้งความโมเดิร์นผสมอยู่บนความหรูหราแบบรสดั้งเดิม กับบรรยากาศที่ไม่เหมือนที่ไหน เราขอแนะนำที่นี่ หากวันไหนที่ฝนไม่ตก สามารถขึ้นไปชิลบน Rooftop ได้อีกด้วยนะ สนนราคา อยู่ที่ 500 -1,500 บาท ต่อจาน ที่กล่าวไปข้างต้น

Google Map :

Link ทางห้องอาหารโรงแรม